ปันธรรม: 13 กันยายน 2567: ชีวิตประเสริฐ เกิดจากการศึกษา

ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ
(ทันโต เสฏโฐ มนุสเสสุ)

ในหมู่มนุษย์นั้น ผู้ที่ฝึกแล้วเป็นผู้ประเสริฐ

ชีวิตที่มีการศึกษา คือ เรียนรู้ ฝึกหัด พัฒนาอยู่เรื่อย
จะเป็นชีวิตที่ประเสริฐ เรียกว่า “ชีวิตประเสริฐ เกิดจากการศึกษา”

เกร็ดเรื่องราว:

ครั้งหนึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปยังนครหลวงแห่งแคว้นวังสะ พระนางมาคันทิยาให้สินจ้างแก่คนในเมืองให้ไปรุมด่าพระสมณโคดม พระอานนท์ที่ตามเสด็จด้วยกราบทูลให้ไปที่เมืองอื่นก็ไม่เสด็จไป ทรงให้เหตุผลว่าแม้ไปเมืองอื่นก็ย่อมถูกด่าอยู่ดี จากนั้นจึงแสดงธรรมให้กับทั้งพระอานนท์และผู้ที่มารุมด่า

โดยมีเนื้อหาสรุปความได้ว่า

การอดกลั้นต่อคำล่วงเกิน เปรียบเหมือนกับช้างศึกที่ทนต่อลูกศรในสงคราม
ช้างหรือพาหนะที่ใช้ในการศึก ล้วนเป็นสัตว์ที่ฝึกแล้ว เป็นสัตว์ประเสริฐ
มนุษย์ที่อดกลั้นต่อคำล่วงเกิน
มนุษย์ที่ที่ฝึกตนแล้ว (ได้รับการศึกษา) ย่อมเป็นประเสริฐกว่าสัตว์เหล่านั้น

เมื่อเทศนาจบ คนที่รับสินจ้างมาด่าทั้งหลายก็บรรลุโสดาปัตติผล

จากหนังสือ เล่าเรียน – ทำงานกันไป ชีวิตได้อะไร ของ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)
(อ่านเพิ่มเติม: https://www.papayutto.org/th/book_detail/389)

พระไตรปิฎก เล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท นาควรรคที่ 23
(อ่านเพิ่มเติม: https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=1118&Z=1161)

#ชีวิตประเสริฐเกิดจากการศึกษา #พระไตรปิฏก #ปันธรรม #บ้านไอศูรย์

ปันธรรม: 13 กันยายน 2567: ชีวิตประเสริฐ เกิดจากการศึกษา Read More »

ปันธรรม: 10 มิถุนายน 2567: ถามถึงชาติกำเนิดไปก็เท่านั้น ถามความประพฤติ (ศีล) สำคัญกว่า

มา ชาตึ ปุจฺฉ จรณญฺจ ปุจฺฉ

ถามถึงชาติกำเนิดไปก็เท่านั้น
ถามความประพฤติ (ศีล) สำคัญกว่า


จงดูแต่ไฟเถิด แม้จะเกิดจากไม้ต่างชนิด
แต่ก็มีเปลวแสงและสีเหมือนกัน
บุคคลผู้ฉลาด มีความเพียร
รู้จักกีดกันบาปด้วยความละอาย
แม้จะเกิดในตระกูลต่ำ ก็เป็นอาชาไนยได้

ปันธรรม: 10 มิถุนายน 2567: ถามถึงชาติกำเนิดไปก็เท่านั้น ถามความประพฤติ (ศีล) สำคัญกว่า Read More »

ปันธรรม: 3 มิถุนายน 2567: สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย
สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

ท่านพุทธทาสถอดความพระพุทธภาษิตนี้ ตามวาทะของท่านเองว่า

“ไม่มีอะไรที่น่าเอา ที่น่าเป็น”

พระพุทธเจ้าทรงยืนยันไว้ในหลายที่หลายแห่งว่า
พระองค์ทรงสอนอยู่ 2 เรื่องเท่านั้น
คือ เรื่อง ทุกข์ กับเรื่อง การดับทุกข์
ฉะนั้น ถ้าผู้ใดรู้ถึงคำสอนของพระองค์
ทั้ง 2 เรื่องนี้ คือ ทุกข์ และ การดับทุกข์ ก็ชื่อว่า
ได้รับรู้ถึงคำสอนของพระองค์ ทั้งหมด

สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย
สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

พระพุทธภาษิตบทนี้ว่าด้วย ความไม่ยึดมั่นถือมั่น
ซึ่งเป็นเหตุให้ถึง ความดับทุกข์ กล่าวคือ

ความยึดมั่นถือมั่นสิ่งทั้งปวงว่า
“เป็นตัวกู”, “เป็นของกู”

เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์

ในทางตรงกันข้าม

ขณะไม่มีความยึดมั่นถือมั่น
.
.
.
นั้นเอง คือ ว่างจากความทุกข์
.
การปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดความยึดมั่นถือ
ชื่อว่าได้ปฏิบัติทั้งหมด
ไม่มีอะไรที่จะต้องปฏิบัติอีกแล้ว

ที่ว่า

“ถ้าได้ ปฏิบัติ ตามพระพุทธภาษิตบทนี้แล้ว ชื่อว่าได้ ปฏิบัติ ธรรมทั้งหมด” นั้น

ท่านพุทธทาส ได้ตั้งข้องสังเกตว่า

การปฏิบัติธรรมแต่ละขั้น ตั้งแต่

รับไตรสรณคมน์
  ให้ทาน
    รักษาศีล
      ฝึกสมาธิ (เจริญสมถกรรมฐาน)
        อบรมปัญญา (เจริญวิปัสสนากรรมฐาน) จนถึง
          มรรค
            ผล
               นิพพาน

ตามลำดับนั้น
ถ้า ปฏิบัติ ถูกต้องถึงที่สุดของแต่ละขั้น
ก็มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ

เพื่อให้จิตว่างจากความยึดมั่นถือมั่น นั้นเอง

มิใช่เพื่ออะไรอื่น

ปันธรรม: 3 มิถุนายน 2567: สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น Read More »

วัดนันตาราม ต. หย่วน อ.อเชียงคำ จ. พะเยา

         วัดนันตาราม ตั้งอยู่ที่ ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน งดงามไปด้วยงานพุทธศิลป์แบบไทใหญ่-พม่า โดดเด่นไปด้วยวิหารไม้สักทั้งหลังที่มีผลงานการฉลุไม้ตกแต่งลวดลายอย่างงดงาม

วัดนันตาราม ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด เล่ากันว่าแต่เดิมที่ตั้งวัดแห่งนี้เป็นวัดร้างมาก่อน โดยระยะแรกสร้างเป็นเพียงวิหารไม้มุงด้วยหญ้าคา คนจึงเรียกว่าจองคา โดยคำว่าจองเป็นภาษาไทใหญ่หมายถึง วัด ส่วนคา หมายถึงมุงด้วยหญ้าคา บ้างก็เรียกจองม่าน หรือ วัดพม่า

          จากนั้นใน พ.ศ.2467 พ่อเฒ่าตะก่าจองนันตา (อู๋) วงศ์อนันต์ คหบดีชาวปะโอ (ตองสู่) ผู้รับสัมปทานทำไม้ให้กับบริษัทค้าไม้ต่างชาติ เป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้าที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาได้เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบูรณะปรับปรุงเสนาสนะวัดจองคาที่ทรุดโทรมให้มีความมั่นคงแข็งแรงงดงามสมเป็นพุทธสถาน

          พ่อตะก่าจองนันตา (อู๋) รับเป็นเจ้าภาพสร้างวิหารหลังปัจจุบัน โดยว่าจ้างช่างชาวพม่าจากจังหวัดลำปางมาออกแบบและทำการก่อสร้างเป็นวิหารไม้สักทั้งหลัง รูปทรงสถาปัตยกรรมแบบพม่า หลังคาหน้าจั่วยกเป็นช่อชั้นลดหลั่นกันสวยงาม มุงด้วยไม้แป้นเกล็ด เพดานประดับประดาด้วยกระจกสีลวดลายวิจิตร ใช้เวลาร่วม 10 ปีจึงสำเร็จสมบูรณ์

          เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีและเป็นอนุสรณ์ผู้สร้าง จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดจากจองม่าน เป็น วัดนันตาราม เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน

          วิหารไม้สักแห่งวัดนันตาราม ภายในวิหารยกเป็น 3 ชั้น ชั้นสูงสุด คือ ชั้นพุทธะเป็นชั้นประดิษฐานของพระประธานและพระพุทธรูป รองลงมาเป็นชั้นของพระสงฆ์ และ ชั้นสุดท้าย คือ ชั้นที่นั่งของอุบาสก อุบาสิกา ในวิหารมีเสาทั้งหมด 68 ต้น ลงรักปิดทอง 40 ต้น เพดานลงลวดลายประดับด้วยกระจก ศิลปะแบบมัณฑะเลย์

          ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานไม้สักทอง ชื่อพระพุทธเมตตา เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องแบบมัณฑะเลย์ แกะสลักด้วยไม้สักทองขนาดใหญ่ทั้งองค์ มีขนาดหน้าตักกว้าง 51 นิ้ว สูงจากฐานถึงยอดเกศาประมาณ 9 ศอก

          องค์พระประดิษฐานบนสิงหบัลลังก์ไม้ประดับลวดลายและกระจกสี งามอลังการด้วยไม้ฉลุศิลปะพม่า เป็นลวดลายเครือเถา ทั้งยังมี กามเทพตัวน้อย (คิวปิด) เทพแห่งความรัก 8 องค์ แกะสลักอยู่ในด้านหลังพระประธานด้วย คาดว่าได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตก เพราะสร้างในสมัยที่พม่าเป็นคนในบังคับของอังกฤษ และมีลวดลายสัตว์หิมพานต์เป็นนางนกกิงกะหร่า (กินรี)

          การที่มีกามเทพน้อยทั้ง 8 องค์อยู่ด้านหลังองค์พระนี้ทำให้บางคนมากราบพระและถือโอกาสไหว้ขอพรในเรื่องของความรักในคราวเดียวกัน 

        นอกจากนั้นภายในวิหารยังมีพระพุทธรูปสำคัญอีกหลายองค์ เช่น พระเจ้าแสนแซ่ พระพุทธรูปเก่าแก่เนื้อทองสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 19 นิ้ว สูง 24 นิ้ว สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบเชียงแสน องค์พระสามารถถอดประกอบเป็นชิ้น ๆ ได้โดยมีสลัก หรือ แซ่ ตอกให้ชิ้นส่วนขององค์พระเชื่อมติดกันอย่างมั่นคง ปัจจุบันกรมศิลปากรจดทะเบียนรับรองเป็นโบราณวัตถุ

         พระพุทธรูปหยกขาว ศิลปะพม่า พระพุทธรูปเกสรดอกไม้ที่สร้างจากดอกไม้หอมนานาชนิดในเมืองตองจี ประเทศพม่า ซึ่งนำมาตากแห้งและบดให้ละเอียดผสมกับยางรัก เถ้าฟางเผาคลุกกับดินจอมปลวก แล้วปั้นเป็นพระพุทธรูปลงรักปิดทอง ประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร

          ภายนอกวิหาร ประดิษฐานเจดีย์ยี่สิบห้าศตวรรษ เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2500 ลักษณะเป็นเจดีย์แปดเหลี่ยม

          วัดนันตารามยังจัดส่วนหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ใช้เก็บของเก่ามากมาย อาทิ เหรียญและธนบัตรเก่า เครื่องใช้โบราณ เครื่องดนตรีโบราณ ผ้าและภาพวาดเก่าแก่ ให้บุคคลทั่วไปเข้าชมอีกด้วย

วัดนันตาราม (วัดจองเหนือ) ต. หย่วน อ.อเชียงคำ จ. พะเยา

#วัดนันตาราม #วัดจองเหนือ #พระพุทเมตตา #พะเยา #ชวนไหว้พระทำบุญทั่วไทย #บ้านไอศูรย์

วัดนันตาราม ต. หย่วน อ.อเชียงคำ จ. พะเยา Read More »

ปันธรรม: 27 พฤษภาคม 2567: ตระเตรียมตนให้ดีพร้อม เพื่อพบพานผลอันเป็นที่รัก

ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา

จากพุทธพจน์นี้

บอกให้เรารู้จักเตรียมพร้อมก่อนลงมือทำสิ่งใดสักสิ่งหนึ่ง

ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ชีวิต

 

ที่ควรพร้อมด้วยความรู้ ความสามารถ รวมถึง คุณธรรม

เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

 

เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ ซึ่งต้องเตรียมดิน รดน้ำ ใส่ปุ๋ย

ดูแลเอาใจใส่ จึงจะออกดอกออกผลได้

 

ทั้งนี้ ในขณะที่รอผลนั้น

ขอเพียงมีความมุ่งมั่นตั้งใจ อดทน รอคอยผลลัพธ์

สิ่งสำคัญ ความไม่ประมาท พร้อมรับมือกับสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ

ปันธรรม: 27 พฤษภาคม 2567: ตระเตรียมตนให้ดีพร้อม เพื่อพบพานผลอันเป็นที่รัก Read More »

วัดโพธิ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ไทย ประเทศไทย

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

วัดโพธิ์ เปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ที่รวบรวมความรู้และภูมิปัญญาไทย สะท้อนผ่านศิลปกรรมโบราณ จิตรกรรมฝาผนัง ประติมากรรม และคัมภีร์โบราณ ที่ล้วนทรงคุณค่า ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสประสบการณ์อันล้ำค่า

สถานที่น่าสนใจภายในวัดโพธิ์

พระวิหารพระพุทธไสยาสน์

ปางไสยาสน์ขนาดยาว 46 เมตร สูง 15 เมตร ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหาร เต็มไปด้วยลวดลายอันวิจิตรบรรจง

พระระเบียงคด

เดินชมพระระเบียงคด ชมประติมากรรมพระพุทธรูปปางต่างๆ กว่า 150 องค์ แต่ละองค์ล้วนมีความงดงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนให้เห็นถึงฝีมือช่างไทยโบราณ

จารึกวัดโพธิ์
เรียนรู้ภูมิปัญญาไทยโบราณผ่านจารึกวัดโพธิ์ จารึกบนแผ่นหินอ่อนที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ การแพทย์ โหราศาสตร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล

ชมความงดงามของพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ สีทองอร่าม บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

ชมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และงานช่างฝีมือในอดีต ที่จัดแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์
กิจกรรมน่าสนใจภายในวัดโพธิ์

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ไทย ประเทศไทย

#วัดนางสาว #วัดในจังหวัดสมุทรสาคร #โบสถ์มหาอุด #หลวงพ่อมหาอุด #หลวงพ่อดำ #หลวงพ่อดำวัดนางสาว #หลวงพ่อป่าเลไลยก์ #ชวนอ่าน #ชวนไหว้พระทำบุญทั่วไทย #บ้านไอศูรย์

วัดโพธิ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร Read More »

บทสวดมนต์: โมระปะริตตัง (อุเทฯ)

บทสวดมนต์: โมระปะริตตัง (อุเทฯ)

อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา
หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส
ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง
ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง
เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม
เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ
นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
อิมัง โส ปะริตตัง กัต๎วา โมโร จะระติ เอสะนา ฯ

อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา
หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส
ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง
ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง
เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม
เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ
นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
อิมัง โส ปะริตตัง กัต๎วา โมโร วาสะมะกัปปะยีติ ฯ

คำแปล

อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา
หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส

พระอาทิตย์เป็นดวงตาของโลก เป็นเจ้าแห่งแสงสว่าง
กำลังอุทัยขึ้นมา สาดแสงสีทองส่องพื้นปฐพี

ตัง ตัง นะมัสสามิ

เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าขอนอบน้อม ซึ่งพระอาทิตย์นั้น

หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง

ผู้สาดแสงสีทองส่องพื้นปฐพี

ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง

ข้าพเจ้าทั้งหลาย อันท่านคุ้มครองแล้ว
พึงอยู่เป็นสุข ตลอดเวลากลางวันวันนี้

เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม

ท่านผู้ลอยบาปได้แล้ว เหล่าใด
เป็นผู้รู้จบในธรรมทั้งปวง

เต เม นะโม

ขอท่านผู้ลอยบาปแล้วเหล่านั้น
จงรับความนอบน้อมของข้าพเจ้าเถิด

เต จะ มัง ปาละยันตุ

ขอท่านผู้ลอยบาปแล้วเหล่านั้น โปรดรักษาข้าพเจ้าด้วยเถิด

นะมัตถุ พุทธานัง

ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย

นะมัตถุ โพธิยา

ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย

นะโม วิมุตตานัง

ความนอบน้อมของข้าพเจ้า
จงมีแด่ท่านผู้หลุดพ้นแล้ว จากกิเลสทั้งหลาย

นะโม วิมุตติยา

ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่วิมุตติธรรม

อิมัง โส ปะริตตัง กัต๎วา โมโร จะระติ เอสะนา ฯ

นกยูงนั้น กระทำปริตอันนี้แล้ว จึงเที่ยวไปแสวงหาอาหาร

อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา
หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส

พระอาทิตย์เป็นดวงตาของโลก เป็นเจ้าแห่งแสงสว่าง
กำลังลาลับไป จากการส่องแสงแก่พื้นปฐพี

ตัง ตัง นะมัสสามิ

เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าขอนอบน้อม ซึ่งพระอาทิตย์นั้น

หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง

ผู้สาดแสงสีทองส่องพื้นปฐพี

ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง

ข้าพเจ้าทั้งหลาย อันท่านคุ้มครองแล้ว
พึงอยู่เป็นสุข ตลอดเวลากลางวันวันนี้

เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม

ท่านผู้ลอยบาปได้แล้ว เหล่าใด
เป็นผู้รู้จบในธรรมทั้งปวง

เต เม นะโม

ขอท่านผู้ลอยบาปแล้วเหล่านั้น
จงรับความนอบน้อมของข้าพเจ้าเถิด

เต จะ มัง ปาละยันตุ

ขอท่านผู้ลอยบาปแล้วเหล่านั้น โปรดรักษาข้าพเจ้าด้วยเถิด

นะมัตถุ พุทธานัง

ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย

นะมัตถุ โพธิยา

ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย

นะโม วิมุตตานัง

ความนอบน้อมของข้าพเจ้า
จงมีแด่ท่านผู้หลุดพ้นแล้ว จากกิเลสทั้งหลาย

นะโม วิมุตติยา

ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่วิมุตติธรรม

อิมัง โส ปะริตตัง กัต๎วา โมโร จะระติ เอสะนา ฯ

นกยูงนั้น กระทำปริตอันนี้แล้ว จึงพักผ่อนหลับนอนแล ฯ

บทสวดมนต์: โมระปะริตตัง (อุเทฯ) Read More »

วัดขุนอินทประมูล ต.บางพลับ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง

          วัดขุนอินทประมูล ตั้งอยู่ที่ ต. บางพลับ อ. โพธิ์ทอง จ. อ่างทอง มีประวัติเล่าขานว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยตอนต้น ในรัชสมัยของพระยาเลอไท และถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ และมีตำนานว่าในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ นายอากรตำแหน่งขุนอินทประมูลได้ใช้ทรัพย์สินส่วนตัวบูรณะซ่อมแซมแต่มีข้อครหาว่ายักยอกเงินภาษีของรัฐมาสร้าง จึงถูกสอบสวนและลงโทษจนเสียชีวิต โดยร่างของขุนอินทประมูลถูกฝังไว้ในเขตพระวิหาร วัดนี้จึงได้ชื่อว่า วัดพระนอนขุนอินทประมูล (คาดว่าเป็นตำนานจากการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ในบริเวณด้านหลังองค์พระพุทธไสยาสน์เมื่อปี พ.ศ. 2541) ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสลำน้ำมะขามเฒ่า ทรงแวะที่วัดแห่งนี้เพื่อนมัสการพระพุทธไสยาสน์ถึง 2 ครั้ง และโปรดฯ ให้มีการปฏิสังขรณ์วัดเรื่อยมา

ภายในวัดขุนอินทประมูล มีสิ่งที่น่าสนใจดังนี้

พระพุทธไสยยาสน์

          พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ ชาวบ้านเรียกว่า พระนอนองค์ใหญ่, พระศรีเมืองทอง ขนาดองค์ยาว 50 เมตร ซึ่งมีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกับ พระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี จึงสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยสุโขทัยเช่นเดียวกัน พระพุทธไสยยาสน์หันพระเศียรไปทางทิศตะวันออก พระพักตร์หันตรงไปทางทิศเหนืองดงามได้สัดส่วน ปรากฏรอยแย้มพระโอษฐ์และแววพระเนตรที่แสดงออกถึงความเมตตา เมื่อมองตลอดทั้งองค์มีความสง่างามมาก

เดิมพระพุทธไสยาสน์ประดิษฐานอยู่ในวิหาร แต่ต่อมาวิหารถูกไฟไหม้หักพังหมด ปัจจุบันองค์พระพุทธไสยาสน์จึงตั้งอยู่กลางแจ้ง ส่วนวิหารเหลือเพียงเสาด้านหน้า

มีความเชื่อกัน มีความศักดิ์สิทธิ์ หากขอพรอะไรก็จะสมหวังดังปรารถนา จึงมีผู้ศรัทธาเข้าไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลจำนวนมาก

อาคารเอนกประสงค์ – พระอุโบสถ (ไฮเทค)

          อาคารเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่สร้างไว้เพื่อใช้ประกอบศาสนพิธี ได้รับความสนใจจากประชนว่าเป็น โบสถ์ไฮเทค เนื่องจากมี บันไดเลื่อน ลิฟต์ และเครื่องอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยสำหรับพระสงฆ์ และผู้สูงอายุ ให้สามารถขึ้นไปกราบไหว้พระในโบสถ์บริเวณชั้นที่ 2 ของอาคาร ได้
         ในส่วนของพระอุโบสถ์ ประดิษฐานพระประธาน คือ พระพุทธมหามงคลจินดาพลบพิธ ผนังโดยรอบมีภาพจิตรกรรมที่สวยงาม บริเวณด้านข้างของโบสถ์ จัดให้มีเบาะที่นั่ง/ที่นอน ขนาดกว้าง 1 เมตร บุฟองน้ำอย่างดี ซึ่งใช้ระบบไฮโดรลิกทั้งหมด สามารถกางออกมาและเก็บเข้าไปติดผนังเหมือนเดิมได้
          ส่วนบริเวณชั้นที่ 3 จัดทำขึ้นสำหรับเป็นที่พักของพระผู้ใหญ่โดยเฉพาะ

พระพุทธมหามงคลจินดาพลบพิธ
พระพุทธมหามงคลจินดาพลบพิธ

วิหารหลวงพ่อขาว
          ซากโบราณสถานวิหารหลวงพ่อขาว ซึ่งเหลือเพียงฐาน ผนังบางส่วนและองค์พระพุทธรูป

รูปปั้นขุนอินทประมูล

          ในปี พ.ศ.2541 ได้มีการพบโครงกระดูกบริเวณพระบาทของพระนอน โครงกระดูกนี้ถูกมัดมือมัดเท้า นอนคว่ำ บางคนสันนิษฐานว่าเป็นโครงกระดูกของขุนอินทประมูล ซึ่งถูกลงโทษจนตาย ปัจจุบันทางวัดได้จำลองโครงกระดูกนี้จัดแสดงไว้ในตู้กระจกให้ผู้สนใจได้เข้าชม นอกจากนี้ยังสร้างรูปปั้นจำลองไว้ให้แสดงความเคารพอีกด้วย

วัดขุนอินทประมูล นอกจากจะมีความเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนแล้ว ยังเป็นจุดศูนย์รวมของชุมชน โดยใช้พื้นที่ของวัดในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานเกษตรและของดีเมืองอ่างทองที่ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก โดยในปีหน้าจะเป็น ครั้งที่ 11 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-18 กุมภาพันธ์ 2567

แผนที่ วัดขุนอินทประมูล ต.บางพลับ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง

#วัดขุนอินทประมูล #ขุนอินทประมูล #พระพุทธไสยาสน์ #โบสถ์ไฮเทค #ชวนไหว้พระทำบุญทั่วไทย #บ้านไอศูรย์

วัดขุนอินทประมูล ต.บางพลับ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง Read More »

ปันธรรม: 15 พฤศจิกายน 2566 ความวิวาทเป็นภัย สามัคคีมีน้ำใจต่อกันดีกว่า

ปันธรรม: ความวิวาทเป็นภัย สามัคคีมีน้ำใจต่อกันดีกว่า

วิวาทํภยโต ทิสฺวา
อวิวาทญฺจ เขมโต
สมคฺคา สขิลา โหถ
เอสาพุทฺธานุสาสนี

ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก พระพุทธเจ้าตรัสว่า

ท่านทั้งหลาย จงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย
และเห็นความไม่วิวาทโดยเป็นทางเกษม
แล้วจงกล่าววาจาอ่อนหวานอันสมัครสมานกันเถิด

ในพระพุทธศาสนา แนวคิดการจัดการความขัดแย้ง
จึงประกอบด้วย การกล่าววาจาที่อ่อนหวาน
การสร้างความสามัคคีปรองดองพร้อมเพรียงกันในหมู่คณะ
และมีความประนีประนอมต่อกันและกัน จึงจะเกิด สันติภาพ
ซึ่งเป็นจุดหมายของพระพุทธศาสนา

เพิ่มเติมเรื่องสันติภาพ

สันติภาพตามวิทยาการสมัยใหม่ หมายถึง สภาวะแห่งความสันติ การไม่มีสงคราม ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น หรือ การยุติความขัดแย้งให้สงบลง หรือหมายถึงสถานะแห่งความเงียบ หรือความสุข ในตัวบุคคล โดยเน้นไปถึง สันติภาพภายนอก

วิธีการสร้างสันติภาพตามวิทยาการสมัยใหม่จึงมุ่งเน้นไปที่การต่อต้านความไม่ยุติธรรม ต่อต้านการเอารัดเอาเปรียบ ต่อต้านความรุนแรง ต่อต้านความขัดแย้ง ต่อต้านสงคราม ต่อสู้รณรงค์เพื่อเรียกร้องให้เกิดสันติภาพทั้งในแง่สันติภาพของบุคคล ในสังคม ประเทศ และโลก

สันติภาพตามหลักพระพุทธศาสนา หมายถึง ความสุข สงบเย็น เป็นอิสระจากความทุกข์
การสร้างสันติภาพจึงมุ่งเน้นที่จิตใจมนุษย์อันเป็น สันติภาพภายใน ซึ่งมีพัฒนาการไปถึงขั้นสูงสุด คือ นิพพาน ตัวอย่างการฝึกฝนอบรมตนเพื่อให้เกิดสันติภาพ เช่น การปฏิบัติตามหลัก ไตรสิกขา ได้แก่ ศีล สมาธิ และ ปัญญา อธิบายได้ว่า

การฝึกตนเองในด้านพฤติกรรมภายนอกทางกาย วาจา เรียกว่า ศีล
การฝึกฝนพัฒนาตนในด้านจิตใจ เรียกว่า สมาธิ
และ การฝึกฝนพัฒนาตนในด้านความรู้ ความเข้าใจให้เข้าถึงความจริง เรียกว่า ปัญญา

หากมนุษย์ยังไม่ค้นพบสันติภาพภายใน
สันติภาพภายนอกก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้
การสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของแต่ละบุคคล
อันจะทำให้เกิดสันติภาพภายในจิตใจ
จึงมีความสำคัญ

ที่มา

ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พธ.ด.) เรื่อง “การสร้างสันติภาพภายในตามหลักพระพุทธศาสนาเถรวาท” บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (2565) โดย ลลิตภัทร เจนจบ

บทความเรื่อง “พุทธวิธีแก้ปัญญหาความขัดแย้ง” วารสารวิชาการ มจร บุรีรัมย์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 (2563): มกราคม-มิถุนายน โดย พระมหาประเสริฐ สุเมโธ, ปิยวัฒน์ คงทรัพย์ และ ทิพย์ขันแก้ว

หนังสือ อมฤตพจนา พุทธศาสนสุภาษิต สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

พระไตรปิฎก เล่มที่ 33 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 25 ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

#ความวิวาทเป็นภัยสามัคคีมีน้ำใจต่อกันดีกว่า #ความวิวาทเป็นภัย #ความขัดแย้ง #ความสามัคคี #สันติภาพ #สันติภาพภายใน #สันติภาพภายนอก #ศีล #สมาธิ #ปัญญา #พระไตรปิฎก #อมฤตพจนา #ปันธรรม #บ้านไอศูรย์

ปันธรรม: 15 พฤศจิกายน 2566 ความวิวาทเป็นภัย สามัคคีมีน้ำใจต่อกันดีกว่า Read More »

วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมือง จ.สกลนคร

          วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ตั้งอยู่ ถ.เจริญเมือง อ.เมือง จ.สกลนคร สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัด แต่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับคติการบูชารอยพระพุทธบาทผ่านตำนานอุรังคธาตุ ที่กล่าวถึงกำเนิดพระธาตุเชิงชุมไว้ว่า ในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธองค์พร้อมพระอรหันตสาวก ได้เสด็จโปรดสัตว์และประทับรอยพระพุทธบาทตามสถานที่ต่าง ๆ ในแถบลุ่มน้ำโขง เมื่อเสด็จมายังเมืองหนองหารหลวงซึ่งสันนิษฐานว่าคือ เมืองสกลนคร ปัจจุบัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทับรอยพระบาททับซ้อนลงบนรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าในอดีตทั้ง 3 พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันโธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า และพระกัสสปพุทธเจ้า ที่ได้เคยเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้แล้วในบริเวณที่ เรียกว่า ภูน้ำลอด ซึ่งสันนิษฐานว่าคือบริเวณที่ตั้งของพระธาตุเชิงชุมในปัจจุบัน พระยาสุวรรณกิงคารผู้ครองเมืองหนองหารหลวงจึงโปรดให้ก่ออบมุง (อุโมงค์) ครอบรอยพระบาทดังกล่าวไว้ จึงเป็นที่มาของนาม พระธาตุเชิงชุม ซึ่ง เชิงชุม หมายถึง การมีรอยเท้ามาชุมนุมกันอยู่

พระธาตุเชิงชุมแบบศิลปะล้านช้าง

สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ

พระธาตุเชิงชุม

          พระธาตุเชิงชุม เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ฐานรูปสี่เหลี่ยม สูงประมาณ 24 เมตร ตั้งหันหน้าไปทางหนองหารที่อยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยม ไม่มีลวดลายประดับ ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุมทำด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนัก 247 บาท มีซุ้มประตู 4 ด้าน ซุ้มยอดประตูมีลักษณะเป็นยอดปราสาท
แต่แรกเริ่มพระธาตุเชิงชุมคงเป็นปราสาทหินทรายศิลปะสมัยขอม โดยพบหลักฐานเป็นจารึกอักษรขอมโบราณ บริเวณกรอบประตูทางด้านทิศตะวันออก เนื้อหาของจารึกกล่าวถึงการอุทิศที่ดินและสิ่งของต่าง ๆ ให้แก่เทวสถาน กำหนดอายุสมัยจากอักษรได้ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-19 สอดคล้องกับสถานที่ตั้งองค์พระธาตุที่ตั้งภายในแนวกำแพงเมืองคูเมืองสกลนครซึ่งมีรูปทรงคล้ายรูปสีเหลี่ยมจัตุรัสซึ่งเป็นคติการสร้างบ้านเมืองแบบวัฒนธรรมเขมรโบราณ

          องค์พระธาตุในปัจจุบันเป็นพระธาตุองค์ใหม่ที่สร้างครอบองค์เดิม มีลักษณะเป็นเจดีย์แบบล้านช้างเนื่องอิทธิพลของอาณาจักรล้านช้างแผ่เข้ามาบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ราวพุทธศตวรรษที่ 19

ปราสาทเขมรองค์เดิม

วิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม

พระวิหารประดิษฐาน หลวงพ่อองค์แสน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร ปัจจุบันมี 2 องค์ ด้านหน้านั้น คือ หลวงพ่อองค์แสนองค์เดิม ส่วนด้านหลัง คือ หลวงพ่อองค์แสนที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่บูรณะวัดครั้งใหญ่ และประดิษฐานไว้ที่ด้านหลังหล่อพ่อองค์เดิมเพื่อรอทุบหลวงพ่อองค์เดิมทิ้ง แต่เกิดปาฏิหาริย์ ทำให้ไม่สามารถทุบทิ้งได้ ในเวลาต่อมาจึงประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนทั้งสององค์ไว้ในลักษณะเดิม

หลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ทุกวันพระในตอนค่ำจะมีประชาชนไปบูชากราบไหว้พระธาตุ และหลวงพ่อองค์แสนเป็นจำนวนมาก

หลวงพ่อองค์แสน

พระอุโบสถหลังเดิมหรือสิมเก่า

          มีลักษณะเป็นสิมแบบโถง รูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างพื้นถิ่นอีสานและสถาปัตยกรรมตะวันตก โครงสร้างเป็นไม้ก่ออิฐถือปูน หลังคาทรงจั่วไม่ซ้อนชั้นมุงด้วยกระเบื้องไม้ (แปันเกล็ด) หันหน้าไปทางทิศใต้ ภายในมีจิตรกรรมเป็นภาพเถาไม้เลื้อยเป็นแนวรอบอาคาร หน้าบันมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปเทพบุตรและเทพธิดา ดาวประจำยาม มังกรและเถาไม้เลื้อย ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย ประทับบนฐานชุกซีขนาบข้างด้วยพระพุทธรูปประทับยืน 2 องค์

พระอุโบสถหลังเดิม
พระพุทธบาทสี่รอย
พระพุทธบาทสี่รอย

นอกจากนี้ ภายในพระอุโบสถเก่ายังเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธบาทสี่รอย ลักษณะรอยพระพุทธบาทจำลองสลักจากหินทรายปิดทองเป็นรอยพระบาทข้างขวา ขอบด้านนอกของรอยพระพุทธบาทซ้อนลดหสั่นกัน 3 ชั้น หมายถึงพระอดีตพุทธเจ้า 3 พระองค์ ส่วนของ รอยพระบาทข้างขวาขนาดใหญ่ที่ปรากฎหมายถึงรอยพระบาทของ พระโคตมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)

ภายในพระอุโบสถหลังใหม่
ภายในพระอุโบสถหลังใหม่

พระอุโบสถ (หลังใหม่)

ด้านในประดิษฐานพระประธาน และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

เป็นบ่อน้ำที่มีมาพร้อมองค์พระธาตุเชิงชุม เดิมมีน้ำพุผุดขึ้นมาเนื่องจากเป็นปลายทางของลำน้ำใต้ดินซึ่งไหลมาจากเทือกเขาภูพาน ผ่านศูนย์ราชการด้านทิศเหนือ ผ่านใจกลางเมืองข้างวัดเหนือ แล้วไหลมาผุดที่นี่ เรียกว่า ภูน้ำซอด หรือ ภูน้ำลอด แล้วไหลผ่านไปที่สระพังทอง ในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ซึ่งอยู่ติดกับวัด เมื่อน้ำน้อยลงเรื่อย ๆ จึงได้มีการทำผนังกั้นไม่ให้ดินพังลงไป ต่อมามีการบูรณะและสร้างเป็นรูปปั้นพญานาคพ่นน้ำบริเวณรอบบ่อ เพื่อเป็นรูปแทนพระยาสุวรรณนาค พญานาคตามความเชื่อของชาวสกลนคร ที่เป็นนาคผู้ทรงคุณธรรม ทรงศีล และอิทธิฤทธิ์ มีเกล็ดเป็นทองคำ ทำหน้าที่คอยปกป้องและรักษารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

งานประจำปีของพระธาตุเชิงชุม

งานประจำปีของ พระธาตุเชิงชุม นั้น จะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 9 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ (2) ของทุกปี อีกทั้งยังมี งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งและแข่งขันเรือยาวในช่วงวันออกพรรษาอีกด้วย

ชาวสกลนครนั้นเชื่อว่าการมาสักการะ พระธาตุเชิงชุม จะช่วยให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง และขอพรให้มีโชคลาภได้

งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง
งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง

แผนที่ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ตั้งอยู่ ถ.เจริญเมือง อ.เมือง จ.สกลนคร

#วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร #สกลนคร #พระธาตุเชิงชุม #หลวงพ่อองค์แสน #รอยพระพุทธบาทสี่รอย #ชวนไหว้พระทำบุญทั่วไทย #บ้านไอศูรย์

วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมือง จ.สกลนคร Read More »